เลเวอเรจ

                เลเวอเรจเป็นเครื่องมือที่นักลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์คุ้นเคยเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นตัวช่วยให้นักลงทุนสามารถกู้ยืมเงินลงทุนจากโบรกเกอร์ เพื่อการเข้าซื้อสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงกว่าเงินลงทุนจริงได้ ซึ่งการเทรดโดยใช้เครื่องมือชนิดนี้เราจะเรียกว่าการเทรดมาร์จิน (Margin Trading) และมาร์จินก็คือการวางหลักประกัน ดังนั้นการเพิ่มทุนด้วยวิธีการนี้ จะช่วยเพิ่มผลลัพธ์ด้านผลตอบแทนให้สูงขึ้นได้เมื่อการเทรดประสบความสำเร็จ แต่ในทางกลับกันหากนักลงทุนไม่มีกลยุทธ์การเทรด วิธีการนี้ก็จะทำให้ขาดทุนอย่างหนักได้ นักลงทุนที่คิดจะใช้ประโยชน์จากเครื่องมือนี้เพื่อเพิ่มขนาดการลงทุน จึงควรมีความแม่นยำในเทคนิคการตั้ง Stop Loss ด้วย

วิธีทำความเข้าใจเทรดมาร์จินกับเลเวอเรจ สัมพันธ์กันอย่างไร

                ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า วิธีการการเทรดโดยใช้เครื่องมือเลเวอเรจ เป็นตัวช่วยเพิ่มขนาดการลงทุนเพื่อผลตอบแทนที่สูงขึ้นนั้น จะเรียกว่าการเทรดมาร์จิน ซึ่งหมายความว่านักลงทุนจะต้องมีการวางหลักประกันเอาไว้ส่วนหนึ่ง คำถามต่อมาคือ เราควรวางมาร์จินเท่าไหร่ดี สัดส่วนตรงนี้ได้มีการบอกเอาไว้ใน Leverage Ratio ซึ่งเราสามารถยกตัวอย่างให้เข้าใจได้ง่าย ๆ คือ

                การกำหนดเลเวอเรจมักจะอยู่ในรูปของ “มาร์จิน : มูลค่าทรัพย์” หากนักลงทุนเลือกใช้สัดส่วนที่ 1:500 จะหมายความว่า นักลงทุนจะต้องวางหลักประกันเอาไว้ 1 หน่วย เพื่อให้ได้การถือครองสถานะที่ 500 หน่วย และถ้าหากนักลงทุนต้องการเทรดคู่เงิน EUR/USD จำนวน 1 ล็อต โดยมีขนาดสัญญาที่ 100,000 USD การวางมาร์จิน 1:500 จะกำหนดให้วางหลักประกันเอาไว้ 1 USD ต่อการถือครองสินทรัพย์ 500 USD ดังนั้นในการเทรดล็อตนี้ นักลงทุนจะต้องวางมาร์จินหรือหลักประกันที่ 200 USD นั่นเอง

ควรเลือกใช้เลเวอเรจสัดส่วนเท่าไหร่ดี จึงจะเกิดประโยชน์และเหมาะสม

                มาถึงคำถามยอดฮิตที่นักลงทุนหลายคนต้องการหลักในการวิเคราะห์ว่า “ควรเลือกสัดส่วนเลเวอเรจเท่าไหร่ดี” จึงจะมีความเหมาะสม เพราะโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงจะไม่บังคับนักลงทุน แต่จะเปิดโอกาสให้นักลงทุนมีสิทธิ์ในการเลือกสัดส่วนที่เหมาะสมด้วยตัวเอง ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วโบรกเกอร์จะมีสัดส่วนให้เลือกตั้งแต่ 1:1 ไปจนถึง 1:500

                หลักในการวิเคราะห์หาความเหมาะสม เราสามารถเปรียบให้เห็นภาพได้ว่า การเลือกสัดส่วนเลเวอเรจนั้น เหมือนการถือครองบัตรเครดิต ที่เรา “ไม่จำเป็นต้องใช้จนเต็มวงเงิน แต่เราควรมีติดตัวไว้” ดังนั้นนักลงทุนจึงสามารถเลือกสัดส่วนสูงสุดที่โบรกเกอร์นั้น ๆ เสนอได้เลย แต่จะต้องทำภายใต้การวางแผนเอาไว้แล้วว่า ต้องการเพิ่มขนาดการลงทุนเท่าไหร่ คิดคำนวณออกมาเป็นล็อตได้กี่ล็อต และต้องการเข้าเทรดถี่มากหรือน้อยขนาดไหน หรือสรุปง่าย ๆ ว่า ความเหมาะสมในการเลือกสัดส่วน ก็มาจากตัวนักลงทุนเอง ที่ต้องวิเคราะห์ความต้องการของตัวเองให้ได้คำตอบที่ชัดเจนก่อน

                หรือถ้าคุณเป็นนักลงทุนใหม่ที่ยังไม่ค่อยเข้าใจความต้องการของตัวเองดี แต่ต้องการใช้เครื่องมือเลเวอเรจให้เป็น คุณสามารถเริ่มต้นได้จากการดูเงินลงทุนจริงเป็นหลัก เช่น นักลงทุนมีเงินที่ใช้ลงทุนจริง 2,000 USD การเลือกใช้สัดส่วนที่ 1:20 หรือ 1:50 ก็ถือว่ามีความเพียงพอแล้ว

ย้ำกันอีกสักครั้งสำหรับการใช้เครื่องมือเลเวอเรจว่า ความสำคัญจริงนั้น ๆ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าคุณควรจะเลือกสัดส่วนเท่าไหร่ดี เพราะหัวใจหลักจริง ๆ ก็คือ ตัวคุณเองสามารถวางแผนขนาดการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเองได้หรือไม่ และคุณมีแผนการสำหรับการวางจุด Stop Loss หรือยัง หากคุณเข้าใจความต้องการของตัวเองทุกอย่าง พร้อมทั้งมีแผนรับมือความเสี่ยง สัดส่วน 1:500 ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับคุณ