โซลินอยด์วาล์ว คือ อุปกรณ์ที่มีความสามารถในการควบคุมการไหลของของไหล เช่น อากาศ น้ำ และก๊าซต่าง ๆ สำหรับการทำงานจะทำงานร่วมกับระบบไฟฟ้าเพื่อเริ่มต้นใช้งาน โดยมีให้เลือกหลายระบบตั้งแต่ระบบเปิด – ปิดโดยตรง ระบบเปิด – ปิดทางอ้อม ไปจนถึงระบบลูกผสม รายละเอียดเพิ่มเติมจะเป็นอย่างไร มีหลักการทำงานยังไง หรือมีกี่แบบไปดู
โซลินอยด์วาล์วมีหลักการทำงานอย่างไร
สำหรับหลักการของโซลินอยด์วาล์ว คือมีหน้าที่ในการควบคุมการไหลของของไหลโดยใช้ไฟฟ้า หรือพูดให้เข้าใจง่าย คือ เมื่อไม่มีกระแสไฟฟ้าหรือสนามแม่เหล็กเกิดขึ้นเท่ากับว่าโซลินอยด์กำลังปิดอยู่ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มีกระแสไฟฟ้าผ่านขดลวดและเกิดสนามแม่เหล็กก่อให้เกิดการเคลื่อนที่ของลูกสูบเท่ากับว่าระบบโซลินอยกำลังเปิดอยู่นั่นเอง ส่วนงานที่มีการนำวาล์วแบบโซลินอยด์มาใช้ประกอบไปด้วย
1. ระบบทำความเย็นใช้โซลินอยด์เพื่อย้อนกลับการไหลของสารทำความเย็น
2. ระบบชลประทาน โดยมีการประยุกต์ใช้โซลินอยด์พร้อมกับการควบคุมอัตโนมัติ
3. เครื่องซักผ้า ใช้เพื่อควบคุมการไหลของน้ำ
4. ระบบล็อคอัตโนมัติ ใช้สำหรับล็อคประตู
5. ระบบปรับอากาศ ใช้เพื่อควบคุมความดันอากาศ
6. อุปกรณ์ทางการแพทย์และทันตกรรม ใช้เพื่อควบคุมการไหลทิศทางและความดันของของเหลว
7. ถังเก็บน้ำ ใช้เพื่อควบคุมการไหลเข้าหรือไหลออกของน้ำ
8. ล้างรถ ใช้เพื่อควบคุมการไหลของน้ำและสบู่
วาล์วโซลินอยด์มีกี่แบบ
สำหรับรูปแบบของโซลินอยด์วาล์วที่เรากำลังจะพูดถึงต่อไปนี้จะแบ่งตามตัวเลขได้ ดังนี้
1. โซลินอยด์ 2/2
2. โซลินอยด์ 3/2
3. โซลินอยด์ 4/2
4. โซลินอยด์ 5/2
5. โซลินอยด์ 5/3
- โดยตัวเลขด้านหน้าจะเป็นข้อมูลระบุทางเข้าออกของวาล์วนั้น ๆ ว่ามีจำนวนเท่าไหร่
- โดยตัวเลขด้านหลังจะเป็นข้อมูลระบุถึงสถานะหรือจำนวนตำแหน่งของ Position ที่ลิ้นวาล์วสามารถเปลี่ยนได้
ข้อควรรู้เพิ่มเติม
สำหรับคนที่มีความต้องการอยากจะติดตั้งการใช้งานโซลินอยด์วาล์ว มีข้อควรรู้เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้
- ก่อนเลือกซื้อควรพิจารณาที่คุณสมบัติพิเศษอื่น ๆ ของวาล์วเพื่อช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานร่วมด้วย
- ต้องเลือกประเภทให้สอดคล้องกับแหล่งจ่ายไฟ
- เลือกซื้อวาล์วที่ผลิตจากวัสดุคุณภาพได้รับความไว้วางใจ
- ต้องเข้าใจประเภทงานว่าควรเลือกกว่าประเภทไหนจึงจะถูกต้องและเหมาะสม
- ต้องทำการทดสอบวาล์วก่อนนำไปติดตั้งหรือใช้งานจริงเสมอ
สรุปได้ว่าโซลินอยด์วาล์วเป็นอุปกรณ์ที่มีความสามารถในการควบคุมการไหลของของไหล โดยอาศัยพลังงานจากกระแสไฟฟ้าในการควบคุมการเปิด – ปิด ซึ่งนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เช่น ระบบชลประทาน เครื่องซักผ้า ระบบทำความเย็น ระบบปรับอากาศ อุปกรณ์ทางการแพทย์และทันตกรรม ส่วนรูปแบบการใช้งานควรเลือกแบบไหน ต้องดูที่สภาพแวดล้อมและจุดประสงค์ในการใช้งานจึงจะช่วยให้การตัดสินใจง่ายขึ้น